Oral Health Promotion and Practical Practice for At home Oral Care: บริการส่งเสริมป้องกันสำหรับ Elderly และ Special Needs ทำอย่างไร?

วันที่ 30 กรกฎาคม 2568

สถานที่

ห้องประชุม 304 - 305 ชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษาคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

หลักการและเหตุผล

ในประเทศไทย มีจำนวนคลินิกทันตกรรมเอกชนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2021 มีการรายงานว่า จำนวนคลินิกทันตกรรมภาคเอกชนทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 15,000 แห่ง และคิดเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าคลินิกทันตกรรมภาครัฐ (Thai Dental Association, 2021) อย่างไรก็ตาม หลายการศึกษาพบว่า บริการที่คลินิกทันตกรรมเอกชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญยังคงเน้นไปที่การรักษาความผิดปกติในช่องปาก เช่น การรักษาฟันผุ การถอนฟัน และการรักษาโรคเหงือก มากกว่าการให้บริการด้านการป้องกัน เช่น การตรวจสุขภาพช่องปากประจำปีหรือการให้คำแนะนำด้านการดูแลช่องปาก (Thanyarat, et al., 2020) จะเห็นได้ว่าคลินิกทันตกรรมภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างสุขภาพช่องปากของคนไทย แต่เป้าหมายหลักของบริการมักจะเน้นไปที่การรักษาความผิดปกติในช่องปากมากกว่าการจัดบริการ เพื่อส่งเสริมการป้องกันสุขภาพช่องปาก ซึ่งส่งผลให้บางครั้งอาจมองข้ามสาเหตุของโรคที่สามารถป้องกันได้ (modifiable risk factors) เนื่องจากรูปแบบของธุรกิจทันตกรรมในปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งการสร้างการเติบโตของธุรกิจ ข้อจำกัดด้านกำลังคน และต้นทุน ซึ่งทำให้ขาดแรงจูงใจในการให้บริการที่เน้นการส่งเสริมและป้องกันสุขภาพช่องปากในภาคเอกชน การศึกษาที่ชี้ให้เห็นว่าการไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคในช่องปากสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรงมากขึ้นในอนาคต และส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่สูงขึ้น (J. Dental Research, 2022). โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ในประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete aged Society) ในปี พ.ศ.2565 โดยมีประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีอยู่ราว 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งปัญหาของผู้สูงอายุในทุกด้านโดยเฉพาะด้านสาธารณสุขและสังคมจึงแตกต่างจากอายุในวัยอื่น ทั้งนี้ผู้สูงอายุจะมีความเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย คือ สภาพร่างกายมีความเสื่อมเพิ่มมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น หากผู้สูงอายุดูแลรักษาสุขภาพร่างกายและปฏิบัติได้อย่างถูกต้องก็จะช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของร่างกายได้ เนื่องจากผู้ป่วยในกลุ่มนี้ ไม่เพียงแต่เป็นผู้ป่วยที่มีปัญหาในช่องปากเพียงอย่างเดียวแต่ผู้สูงอายุมักมีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน ร่วมด้วย เป็นต้น ดังนั้นการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีสามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ เนื่องจากการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอช่วยลดการสะสมของคราบพลัคและแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุของการอักเสบในหลอดเลือดที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจได้ อีกทั้งการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากการมีสุขภาพฟันและเหงือกที่ดีช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการอักเสบเรื้อรังซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ ซึ่งนอกจากนี้ การดูแลสุขภาพช่องปากยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจและโรคปอด เนื่องจากการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันช่วยลดจำนวนแบคทีเรียในช่องปากที่อาจเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและทำให้เกิดการติดเชื้อในปอด สุดท้ายนี้ การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ เนื่องจากการวิจัยบางส่วนชี้ให้เห็นว่า การมีสุขภาพฟันและเหงือกที่ดีช่วยลดการอักเสบในร่างกายและการสะสมของคราบโปรตีนในสมองที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์ การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้มีฟันและเหงือก ที่แข็งแรง แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกายและลดความเสี่ยงต่อภาวะโรคที่เป็นอันตรายได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย ภาควิชาทันตกรรมชุมชน ได้เห็นถึงความสำคัญซึ่งนำมาสู่แนวทางการเพิ่มความรู้ด้านการดูแลอนามัยช่องปากและด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแก่ผู้สูงอายุ ติดบ้านติดเตียง ผู้ดูแล และคนในครอบครัว โดยจัดโครงการอบรมซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่รูปแบบการจัดบริการส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปากให้เป็นส่วนหนึ่งของบริการทางทันตกรรมทุกประเภทในบริบทของคลินิกทันตกรรมเอกชน การดำเนินการในโครงการนี้มุ่งหวังที่จะทำให้บริการการป้องกันสุขภาพช่องปากได้รับการยอมรับจากผู้เข้ารับบริการ และตอบโจทย์ความท้าทายทางธุรกิจของคลินิกทันตกรรมเอกชน โดยการพัฒนารูปแบบบริการที่สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม มีระบบการจัดการที่ชัดเจน ซึ่งทำให้ทันตแพทย์และทันตบุคลากรที่สนใจสามารถเรียนรู้และนำไปปรับใช้ในการดำเนินงานของคลินิกทันตกรรมเอกชนของตนเองในอนาคต โครงการนี้ยังมีความหวังที่จะสร้างองค์ความรู้ที่สามารถขับเคลื่อนสังคมในด้านการจัดบริการส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปากในสถานพยาบาลทันตกรรมเอกชน โดยมีการอ้างอิงจากการศึกษาต่างๆ ที่ชี้ให้เห็นว่า การให้บริการป้องกันในคลินิกทันตกรรมเอกชนยังคงมีการขาดการส่งเสริมในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง (Thanyarat et al., 2020; Thai Dental Association, 2021). การอบรมและการพัฒนาความรู้ให้กับทันตแพทย์และบุคลากรในคลินิกจะช่วยให้การป้องกันโรคช่องปากกลายเป็นส่วนสำคัญของการให้บริการในคลินิกทันตกรรมเอกชน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนและลดภาระด้านสุขภาพช่องปากในระยะยาว (National Health Policy, Thailand, 2023)

วัตถุประสงค์

เพื่อเผยแพร่รูปแบบการจัดบริการส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปากแบบ At home Oral Care และเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินการธุรกิจบริการทางทันตกรรมที่เน้นการส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปาก

หน่วยงานที่รับผิดชอบ

ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องและบริการวิชาการ

กำหนดการ
ที่ ชื่อเอกสาร ดาวน์โหลด
1 กำหนดการอบรมโครงการ.pdf
รูปแบบลงทะเบียน / จำนวนรับ

บรรยาย 40 คน

บรรยายและฝึกปฏิบัติ 40 คน

ระยะเวลาที่จัด

30 กรกฎาคม 2568

คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ
ทันตแพทย์ ทันตบุคลากรและพยาบาล ผู้ที่สนใจ
กลุ่มผู้ลงทะเบียน
ทันตแพทย์
บุคคลทั่วไป
ประเภทผู้ลงทะเบียน
บรรยาย
บรรยายและฝึกปฏิบัติ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ผู้เข้าร่วมมีความรู้เกี่ยวกับรูปแบบและแนวทางในการจัดบริการส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปาก At Home Oral Care
การชําระเงิน
ชำระค่าลงทะเบียนโดยการโอนเงินผ่าน QR code ที่สร้างขึ้นจากระบบลงทะเบียนเท่านั้น การลงทะเบียนของท่านจะสำเร็จเมื่อท่านชำระเงิน ตามจำนวนที่ปรากฏใน QR code
เอกสารประกอบโครงการ
ที่ ชื่อเอกสาร ดาวน์โหลด
1 โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์
2 หนังสือขอเชิญประชุม
เข้าร่วมโครงการ